วันนี้ (15 ม.ค.2568 ) ที่โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การสนับสนุนการรวมกลุ่มและพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรรายย่อยของสุราษฎร์ธานี ให้ได้รับการรับรองกระบวนการผลิตปาล์มน้ำมันยั่งยืนตามมาตรฐานโลกโดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม RSPO ระหว่าง บริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์จำกัด (มหาชน) และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันยั่งยืนสุราษฎร์ธานี
โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 250 คน ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้เกิดการพัฒนาทั้งระบบ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการยกระดับรายได้ของเกษตรกร ตามนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ด้วยการส่งเสริมการผลิตและจัดการสินค้าเกษตร
โดยเน้นการผลิตสินค้าเกษตร ที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ตอบสนองความต้องการของประเทศ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และเป็นการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรรายย่อยของประเทศให้สามารถผลิตปาล์มน้ำมันที่มีความยั่งยืนและได้รับการรับรอง ตามมาตรฐานสากล RSPO เป็นการสร้างเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับปาล์มน้ำมันตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยกิจกรรมความร่วมมือ 1. เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันยั่งยืนสุราษฎร์ธานี และบริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด ร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือวางแผนด้านการผลิตสินค้าคุณภาพ ให้ผ่านการรับรองมาตรฐาน RSPO
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มาตรฐาน RSPO ทำให้เกษตรกรมีทางออก ทางเลือกมากขึ้น โดยคุณภาพปาล์มของประเทศไทยปัจจุบันยังอยู่ในอันดับ 3 ของโลก แนวทางปฏิบัติของเกษตรกรชาวสวนปาล์มไทย คือต้องเน้นวิธีการตัด การดูแลต้นปาล์ม เมื่อคุณภาพปาล์มดี โรงงานสามารถซื้อในอัตราที่สูงได้ ซึ่งมาตรฐาน RSPO ทำให้เกษตรกรมีการพัฒนามากขึ้น มีข้อได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้น
ด้านนายวิวัฒน์ มลมาลา ผู้จัดการ กลุ่มวิวาหกิจชุมชนทำเนียบปาล์ม อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคาปาล์มขณะดีค่อนข้างดีแต่เนื่องจากปาล์มมีค่อนข้างน้อย และคิดว่าในอนาคต หากเกษตรกรรวมกลุ่มกันตามมาตรฐาน RSPO จะทำให้เกษตรกรขายได้ราคาดีและเป็นประโยชน์กับเกษตรกรมากที่สุด ขอให้เกษตรกรรายย่อยรวมกลุ่มกันและดำเนินการตามมาตรฐาน RSPO เชื่อมั่นว่าทำได้ไม่ยาก.
สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่รับรองตามมาตรฐาน RSPO จำนวน 365,193.75 ไร่ หรือ 58,431 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ของเกษตรกรรายย่อย จำนวน 291,787.5 ไร่ หรือ 46,686 เฮกตาร์ และพื้นที่ปลูก ของโรงงานสกัด จำนวน 73,406.25 ไร่ หรือ 11,745 เฮกตาร์ คิดเป็น 5.7% ของพื้นที่ปลูก ปาล์มน้ำมันในประเทศไทย
…………………………
ทีมข่าวพลังราษฎร์