วันที่ 6 ธ.ค. 67 นายเนติพล ชุมยวง ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
พร้อมทั้ง บรรยายพิเศษหัวข้อ “ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ของประเทศไทย” กล่าวถึงสถิติเรื่องกล่าวหาร้องเรียนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็น และสนับสนุนให้มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และบทบาทหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่จะสามารถเข้าไปดำเนินการในกรณีเกิดการทุจริตดังกล่าวได้นั้น จะต้องเข้าข่ายความผิด 3 ฐาน คือ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
โดยจะมีอำนาจเข้าไปไต่สวนคดีทุจริตนั้น ๆ ได้ รวมถึงเอกชน หรือประชาชนที่มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ที่ได้กระทำความผิดร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็จะรวมอยู่ในอำนาจการไต่สวนของ สำนักงาน ป.ป.ช. ทั้งสิ้น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสิ่งใกล้ตัวและส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน หน้าที่ปกป้อง รักษา หวงแหน ไม่ใช่แค่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องร่วมกัน และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือประชาชนที่ช่วยกันเป็นหู เป็นตา และไม่นิ่งเฉยต่อการพบเห็นการทุจริต และขอให้ท่านมั่นใจได้ว่า ประชาชนทั่วไปที่มาแจ้งเบาะแสการทุจริต หรือให้ข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ช. จะได้รับการคุ้มครอง และเชื่อมั่นได้ว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะดำเนินการให้โปร่งใส สมกับค่านิยมองค์กรของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ว่า “ซื่อสัตย์ เป็นธรรม มืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้”
สำหรับการจัดโครงการฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังป้องกันการทุจริตเชิงรุก รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการจัดให้มีกลไกการแจ้งเตือนพฤติกรรมที่ส่อว่าอาจเกิดการทุจริต
เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยกำหนดประเด็น “การดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช่ร่วมกัน” และเลือกพื้นที่ ทุ่งปากขอ ตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเชิงรุก และจะขยายผลครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดต่อไป สำหรับปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะส่วนใหญ่ในประเทศไทยเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ ผู้บุกรุกไม่ทราบว่าเป็นที่ดินสงวนหวงห้ามอย่างสุจริตใจ เมื่อเห็นว่าเป็นที่ว่างเปล่าจึงเข้าไปยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรือปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวเพื่อทำประโยชน์
หรือแม้แต่กรณีที่ผู้บุกรุกไม่ทราบอาณาเขตที่แน่นอนทราบแต่เพียงว่าที่ดินบริเวณนั้น ๆ เป็นที่สงวนหวงห้ามแต่ไม่ทราบอาณาเขตที่แน่นอนก็เข้าอาจเข้าไปรุกล้ำพื้นที่สาธารณประโยชน์ได้ และในหลายกรณีก็พบว่าผู้ที่รุกล้ำที่สาธารณประโยชน์เป็นกลุ่มผู้ที่มีเจตนาบุกรุก ผู้บุกรุกประเภทนี้ทราบดีว่าที่ดินที่ตนเข้าไปถือครอบครองนั้นเป็นที่สงวนหวงห้าม และในช่วงที่มีการรุกล้ำที่สาธารณะในช่วงแรก ๆ ไม่มี เจ้าหน้าที่เข้ามาว่ากล่าวตักเตือน จนเป็นเหตุให้อาศัยช่องว่างหลบเลี่ยงเรื่อยมา
แต่ในบางกรณีก็เป็นการรู้เห็นร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดูแลพื้นที่สาธารณะกับผู้บุกรุกโดยปล่อยให้เอกชนได้รับประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่และอำนาจ ในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน จะร่วมกันกำหนดมาตรการ แนวทาง เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือเชิงรุกในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินต่อไป และหากประชาชนพบเห็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สามารถแจ้งได้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี หมายเลขโทรศัพท์ 077-282172 หรือ facebook : สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ แจ้งเบาะแสร้องเรียนเป็นหนังสือ ส่งมาที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลขที่ 222 หมู่ 1 ถนนกาญจนวิถี ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
………………………………….