เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมข่าวพลังราษฎร์ เปิดประเด็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึง และเข้าสู่ห้วงเวลา 180 วันก่อนการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งระดับเทศบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นผู้ที่สนใจจะลงสมัคร หรือที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว และคาดว่าจะต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ฟังคำต่อคำ จากนายพลัฏฐ์ นิลเนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายพลัฎฐ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะครบวาระมีอยู่2 องค์ กำลังเข้าอยู่ในห้วงที่ต้องพึงระวังการหาเสียง ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะครบวาระใน 19 ธ.ค.67 นี้ ซึ่งห้วงเวลา 180 วัน ได้เข้ามาตั้งแต่ วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในส่วนของเทศบาลจะเข้าอยู่ในห้วง 180 วัน ในวันที่ 28 กันยายน เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าการเลือกตั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง อบจ.และเทศบาล จะเข้าอยู่ในห้วง 180 วันหมดแล้ว
ในเรื่องของกฎหมาย มาตรา 64 ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น เขากำหนดเอาไว้ว่าในกรณีการเลือกตั้งที่มาจากการครบวาระ ในเรื่องของการหาเสียงต้องปฏิบัติไปตามกฎหมาย หรือตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง หรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงของผู้สมัคร ในเรื่องของการให้ การเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ การให้เงินจุงใจต่างๆ ตามมาตรา 65 การปราศรัยหาเสียง การทำการโฆษณา การจัดเลี้ยง จะอยู่ในช่วง 180 วันทั้งหมด
ดังนั้นผู้ที่คาดว่าจะสมัคร หรือว่า เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว หรือผู้ที่คิดว่าเมื่อครบวาระจะมาลงสมัครก็ต้องพึงระวัง เช่น เรื่องของการให้เงิน การบริจาคอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นประเพณีที่เคยกระทำ ไม่ว่าจะเป็น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ งานอะไรต่างๆ เมื่อเข้าสู่ห้วง 180 วันแล้วจะกระทำไม่ได้เลย
ในกรณีที่ของงานศพพวงหรีดจะให้ได้เฉพาะดอกไม้สด เพราะถ้าให้เป็นอย่างอื่น เช่น ดอกไม้แห้ง ผ้าขนหนู พัดลม ต่างๆ เหล่านี้ อาจจะมีมูลค่าทางทรัพย์สินตามกฎหมายห้ามมิให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นตัวเงินได้ แต่ดอกไม้สดให้แล้วเหี่ยวเลยไม่สามารถจะมีมูลค่าได้
ในส่วนของผู้ที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในระหว่าง 90 วันสามารถทำตามหน้าที่ในตำแหน่งได้ แต่จะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบจะผิดกฎหมายได้ ในเรื่องของโครงการต่างๆ ที่อยู่ในข้อบัญญัติหรืออยู่ในแผนประจำปี และมีการทำมาเป็นประจำทุกปี เช่นงานชักพระ ทั้งเทศบาล และอบจ.ถามว่าทำได้ไหมทำได้ถ้าอยู่ในข้อบัญญัติแล้ว แต่ต้องไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการให้เท่านั้นเอง
ในส่วนของนักการเมืองต่างๆ ข้าราชการ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐถามว่าช่วยในการหาเสียงได้ไหม ตอบว่าช่วยได้ แต่ต้องไม่ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งให้เป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัคร การขึ้นป้ายคู่กับ สส.สว.บุคคลทางการเมืองต่างๆจะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของภาพเสียก่อนเพื่อยืนยันว่าเขายินยอมจริงๆ
หากถามว่าเขาจะไปร่วมงานได้ไหมตอบว่าไปได้ เปิดตัวได้ แต่ห้ามเกี่ยวกับการให้การบริจาค การให้เงินให้ทอง การทำเสื้อต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะกระทำไม่ได้แล้ว เมื่อเข้าสู่ 180 วัน แล้วค่าใช้จ่ายจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่ห้วง 180 วัน จะทำอะไรต่างๆจะต้องคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้นวันเลือกตั้ง 90 วันจะต้องมายื่นค่าใช้จ่ายเพราะฉะนั้นเก็บหลักฐานที่ต้องมายื่นค่าใช้จ่ายให้ดี
สำหรับสื่อมวลชนก็ทำหน้าที่ตามปกติ แต่ต้องไม่ไปเอื้อหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะทำเป็นสื่อที่โยงไปถึงในส่วนของผู้สมัครหรือว่าที่ผู้สมัครได้ ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่นำเสนอในส่วนที่ทำให้หมายถึงการให้อะไรต่างๆ ในการนำเสนอข่าวก็นำเสนอในตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเขาไปในนามขององค์การก็ต้องนำเสนอข่าวบุคคคนนั้นในนามขององค์กรได้ เช่นการมอบผ้าป่า มอบกฐิน เสนอข่าวไปตามความจริง ซึงตัวของผู้สมัครเอง ทาง กกต.ก็ได้ประชาสัมพันธ์ ไปว่า ในการไปร่วมงาน หรืออะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ในกรณีที่เขานำชื่อไปใส่ในผ้าป่า กฐิน อะไรต่างๆ โดยที่เราไม่ได้ยินยอม ถ้าเขาแจกใบฎีกาไปแล้วนั้น ถ้าท่านไม่ไปร่วมงานก็จบ ก็ควรระวังในส่วนนี้ครับ
……………………………………………………………………………………………..
ทีมข่าวพลังราษฎร์