เตรียมพิธีประวัติศาสตร์ส่งเรือลงสู่ใต้ทะเล 7 -8 ก.ย.นี้ อ่าวเมา ฝั่งตะวันออก และ No Name ฝั่งตะวันตกเกาะนางยวน
เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า ได้รับความอนุเคราะห์จาก กองทัพเรือ มอบเรือหลวงหาญหักศัตรู และเรือหลวงสู้ไพรินทร์ จำนวน 2 ลำที่ปลดประจำการแล้ว เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งที่ 2 และแห่งที่ 3 ของเกาะเต่า
ซึ่งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว ในพื้นที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน โดยจะมีการประกอบพิธีจัดวางเรือหลวงทั้ง 2 ลำลงสู่ใต้ทะเล ในวันที่ 7 -8 กันยายน 2566 บริเวณอ่าวเมา ฝั่งตะวันออก และ No Name ฝั่งตะวันตกของเกาะนางยวน
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า เรือหลวงหาญหักศัตรู และเรือหลวงสู้ไพรินทร์ มีความยาว44.90 เมตร ความกว้าง 7 เมตร อดีตเป็นเรือประเภท เรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถี สังกัดกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ขึ้นระวางประจำการเป็นเวลากว่า 40 ปี ได้ปลดระวางเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ซึ่งก่อนนี้ อุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งที่ 1 เกาะเต่า โดยเรือหลวงสัตกูด ได้นำไปวางไว้ใกล้กองหินขาว ด้านทิศตะวันตก ของเกาะเต่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2554ปัจจุบันเป็นจุดดำน้ำสำคัญของ เกาะเต่า และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์เกาะติดจำนวนมาก เช่น ปะการัง เห็ดทะเล ดอกไม้ทะเล กัลปังหา ปะการังดำ และฟองน้ำ
ด้าน นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวว่า เกาะเต่า เป็นเกาะท่องเที่ยวหลัก 1 ใน 3 ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็น แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมที่มีศักยภาพสูงมีชื่อเสียงติด 1 ใน 10 ของโลก รวมทั้งเป็นห้องเรียนใต้ทะเล(สอนดำน้ำ) สำคัญของเอเชียและ อันดับต้นของโลก ด้วยสภาพทรัพยากร ธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนปีละเกือบ 1 ล้านคน ร้อยละ 90 เป็นชาวต่างประเทศ สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละ 5,000 ล้านบาท
“ และครั้งนี้ผู้ประกอบการร้านดำน้ำ สถาบันสอนดำน้ำ ชมรม และผู้ประกอบการชาวเกาะเต่า กว่า 64 แห่ง ได้ร่วมใจสนับสนุนโครงการ อุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์และ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเกาะเต่า จำนวน 8,607,000 บาท ดำเนินการให้มีอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจากเรือหลวงเป็แห่งที่ 2 และ 3 จะส่งผลเกิดแหล่งปะการัง แหล่งสัตว์น้ำ และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ใต้ทะเลแห่งใหม่อีกด้วย ” นางรำลึก กล่าว
……………………………………