การก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอเพื่อพบปะชาวบ้านในพื้นที่ของ “นาย ไพโรจน์ ฤกษ์ดี” หรือ “ทนายแดง” ชายหนุ่มร่างเล็ก แต่ใจสู้ ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ จากการตัดสินใจลงการเมืองเมื่อครั้งแรกถือเป็นการทดสอบความอดทน เรียนรู้ประสบการณ์ ในพรรคที่จัดตั้งใหม่ รับรู้ถึงความทุกข์ยากของเกษตรกรกับราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำ อยู่แถวหน้าเพื่อเรียกร้องราคาที่เป็นธรรมให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์ม ชาวสวนยาง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความหวังจากการเรียกร้องหวังจะได้ราคายางพาราที่สูงขึ้นกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เคยทำไว้แต่ด้วยกระแสทางการเมืองสิ่งที่เกษตรกรคาดหวังต้องพังทลายลง และยังคงอยู่แบบรอความหวังไปวันเพื่อจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างจริงใจ และจริงจัง
ไพโรจน์ ฤกษ์ดี คนหนุ่มที่มีอุดมการณ์ “คิดดี ทำดี” คนเฒ่าคนแก่เรียก “ลูกแดง” คุณลุงคุณป้าเรียก “หลานแดง” และพี่ๆที่รักสนิทสนมเรียก “น้องแดง” ปัจจุบันอายุ 42 ปี ภูมิลำเนาเดิมประกอบอาชีพทนายความ หัวหน้าและเจ้าของสำนักงานรัตนโกสินทร์ทนายความ จบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประกาศนียบัตรวิชาชีพทนายความ สภาทนายความ อดีตคณะกรรมการ และเลขานุการสภาทนายความจังหวัดเวียงสระ ปี2559-2562 ประกาศอย่างมั่นใจ เชิญชวนคนสุราษฎร์ฯ ในพื้นที่ อ.พนม อ.ชัยบุรี อ.พระแสง และบางพื้นที่ของ อ.เคียนซา ที่มีสิทธิ์เลือกเขาเป็นผู้แทนที่เข้าไปแก้ไขปัญหา “ ผมขอโอกาสเปลี่ยนสุราษฎร์เพื่อเพี่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ในเสื้อของพรรคเพื่อไทยภายใต้สโลแกน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน”
- การตัดสินใจในการสวมเสื้อเพื่อไทย
ไพโรจน์ เปิดใจกับทีมงาน “พลังข่าว” ถึงการตัดสินใจลงการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยว่า ผมเฝ้าดูการทำงานของพรรคเพื่อไทยมาอย่างยาวนาน ได้เห็นอุดมการณ์ และความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างจริงจัง และมีหลายสิ่งเป็นผลประโยชน์ที่ตกถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการทลายความเลื่อมล้ำทางด้านการเข้าถึงในระบบสาธารณสุขที่ประชาชนต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมกันในการรักษา “บัตร 30 บาท” แรกๆที่หลายพรรคการเมือง มักจะบอกว่าทำไม่ได้แต่ “พรรคไทยรักไทย” ในสมัยนั้นได้ทำเป็นคุณประโยชน์ต่อประชาชนจนมาถึงปัจจุบัน
“ ครั้งหนึ่งผมได้เห็นคุณลุงคนหนึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ถ้าเป็นคนในยุคก่อนต้องขายที่ ขายนา ขายบ้านเพื่อมารักษา ปู่ ย่า พ่อ แม่ พี่น้องของตัวเองบางคนถึงขนาดต้องเป็นหนี้เป็นสิน แต่วันนั้นเขามีบัตร 30 บาทใบเดียวเขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินมีชีวิตใหม่ที่ดีกับครอบครัวของเขาก็เพราะการทำจริงของพรรคนี้ที่ผมเลือก และผมก็คิดว่าถ้ามีใครคิดจะยกเลิก ประชาชนต้องรักษาสิทธิประโยชน์ของท่านไว้ อย่าเผลอให้ใครมายกเลิกสิ่งดีๆเหล่านี้
- ลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง
ไพโรจน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี หลายๆคนมีแววตาอยากที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อความเป็นอยู่ของเขาเองไม่เหมือนในยุคก่อนๆที่พรรคเก่าแก่มั่นใจว่ายังไงก็ได้ แต่ครั้งนี้ไม่แน่ และผมก็พร้อมสู้เต็มที่ ประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร จะเมตตาให้ผมเขาไปทำหน้าที่หรือไม่ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักลุง รู้จักป้า รู้จักพี่น้องเพิ่มขึ้น และรู้สึกมีความหวังให้เปลี่ยนแปลงที่อยากจะไปทำงานให้เขาทุกครั้งที่ได้ไปสัมผัส ได้ไปพูดคุย ได้รู้ถึงปัญหาที่ยังต้องการการแก้ไขอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของที่ดินทำกิน ซึ่งหลายๆพื้นที่ประชาชนที่เดือดร้อน ได้สิทธิ์เข้าไปในพื้นที่มีการจัดสรรอย่างเป็นธรรมกันแล้ว แต่ก็ยังไร้การรับรองสิทธิ์ที่ดินทำกินจากภาครัฐ เรื่องเหล่านี้ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลผมจะนำปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนมานำไปเสนอให้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเร่งด่วนทันที!
- มั่นใจแค่ไหนกับการลงเลือกตั้งครั้งนี้
หากถามว่าผมมั่นใจแค่ไหน ผมก็ต้องบอกว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าในพื้นที่ๆจะต้องสู้กับพรรคการเมืองเก่าแก่ สู้กับเจ้าของพื้นที่เดิม แต่ถ้าใจเรามุ่งมั่น เชื่อมั่นใจอุดมการณ์ของตัวเอง เชื่อมั่นในนโยบายของพรรคที่ทำได้จริง ผมคิดว่าการเมืองที่เปลี่ยนไป ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
“สุดท้ายนี้ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนเขาจะตัดสินใจอย่างไร ที่ผ่านมา ถ้าเขาคิดว่าพอแล้ว ลองมามากแล้วกับของเดิมๆ ถ้าเชื่อมั่นผม มั่นใจผม คนหนุ่มนักต่อสู้อย่างผมก็คิดว่ามีโอกาสเช่นกัน”
……………………………………………………………………………………..
ทีมงานพลังราษฎร์/รายงาน/การเมือง