Breaking News

วิเชียร จันทร์บัว “ทนายแก้ว” ผู้อาสาพัฒนาสุราษฎร์ฯ ชูการศึกษานำ สู่เมืองที่จับต้องได้ นำพาความยุติธรรมเข้าถึงประชาชน

ถือเป็นว่าที่นายก อบจ.คนแรกๆที่กล้าปักป้ายทั่วเมือง เพื่อตอกย้ำความตั้งใจ ของ วิเชียร์ จันทร์บัว หรือ ที่คนสุราษฎร์ฯจะรู้จักในนาม “ทนายแก้ว” บุรุษร่างใหญ่ปนเสียงหัวเราะแต่แฝงด้วยความตั้งใจอยากพัฒนาเมืองสุราษฎร์ธานี ให้โดดเด่นกว่าที่เห็น และยังคงอยู่แบบเดิม ๆ  ประกาศ! พร้อมเปลี่ยนแปลงให้เห็นถึงความตั้งใจหลังจากที่ได้รับการเทคะแนนครั้งแรกว่า 4 หมื่นคะแนนเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา สู่การเมืองแห่งความหวังอีก 4 ปีข้างหน้า

ทนายแก้ว เผยว่า การตัดสินใจลงเลือกตั้งอีกครั้ง เพราะตนเชื่อมั่นว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการเมืองเดิม ๆ การลงพื้นที่ในฐานะทนายความไปให้ความรู้ทางด้านกฎหมายกับประชาชน ได้รับการตอบรับ และให้กำลังใจ ตนจึงอยากนำสิ่งที่ได้เห็น “ความหวัง ความเดือดร้อนของประชาชน” มาแปรเปลี่ยนเป็นการบริหารเมืองอย่างสร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาให้เขาอย่างรอบด้าน หากถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหวังอยางไร เมื่อพูดถึงการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะนั้นตนมีเวลาหาเสียเพียงแค่ 10 วัน ขึ้นป้าย 50 ป้าย ยังได้คะแนนมามาเกือบสี่หมื่นคะแนนมาจากประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง และครั้งนี้ตนก็มั่นใจว่ากระแสอยากเปลี่ยนมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

หากถามว่า ! ถ้ากระแสประชาชนอยากเปลี่ยนแปลง แล้วทำไมเขาจึงต้องเลือกทนายแก้ว นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ลงและเป็นตัวเต็งนั้น หากดูการทำงานที่ประชาชนได้เปิดโอกาสได้เข้าไปบริหารก็ยังไม่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างที่เคยหาเสียงไว้เกือบทุกอย่าง สำหรับตนถ้ารับปากอะไรแล้วต้องทำให้ได้ และพร้อมที่กระจายงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ที่ประชาชนเดือดร้อนได้อย่างทั่วถึง

สิ่งแรกที่ตนจะเข้าไปบริหาร และดำเนินการทันที คือเรื่องของการศึกษา พร้อมสนับสนุนให้เกิดโรงเรียนในสังกัด อบจ.ทั้ง 19 อำเภอ เพราะถ้าการศึกษาดีจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพนัน ยาเสพติด และความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่ผ่านมาตนมองว่าโรงเรียนในสังกัด อบจ.ยังมีไม่เพียงพอ อย่างน้อยต้องมีอำเภอละหนึ่งแห่ง เพราะข้อดีโรงเรียนที่สังกัด อบจ.เด็กอยากเรียนต้องได้เรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ  เป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชน และแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง ส่วนสถานศึกษาในท้องถิ่นที่มีการดูแลดีอยู่แล้ว เราต้องเข้าไปช่วยส่งเสริม ถ้าขาดแคลนงบประมาณเราก็เข้าไปสนับสนุน “เยาวชนคืออนาคตของชาติ”

ในเรื่องของการท่องเที่ยวถือว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ปัจจุบันเรามีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก ระดับจังหวัดก็เช่นกัน เราต้องพัฒนาการท่องเที่ยวใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งตนมีแผนที่จะทำไว้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาปัญหาสำคัญอยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้นำ อยากคิดอยากทำโครงการต่างๆ แต่พอทำขึ้นมาแล้วเราจะสานต่อยอดอย่างไรดูแลอย่างไรให้มันยั่งยืน

ดังนั้น หากประชาชนมอบโอกาสให้ผมได้เข้าไปบริหาร อบจ.สุราษฎร์ธานี มั่นใจว่าจะต้องได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ มิติที่สามารถจับต้องได้ และให้มั่นใจได้ว่าตนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับจังหวัดของเรา  ตนมีความรู้ทางด้านกฎหมาย มีความเข้าใจทางด้านสังคม สัมผัสมาทุกอาชีพที่มีความเกี่ยวข้องกับทนายความ ทำให้ตนได้รับรู้ปัญหาต่างๆที่จะเข้าไปแก้ไขให้ประชาชน

โดยการเปิดสายด่วน 24 ชม.ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายกับประชาชน โดยนำทนายจิตอาสามาร่วมกับทำศูนย์ช่วยเหลือทางด้านกฎหมายให้กับประชาชนที่ถูกรังแกนอกจากประชาชนจะพึ่งศูนย์ดำรงธรรมอย่างเดียว ศูนย์ช่วยเหลือฯ ที่จะตั้งขึ้นมาจะต้องทำให้สุดเพื่อให้เขาได้รับความเป็นธรรมที่ดีที่สุด”อีกด้วย

…………………………………………………………………………………………

ทีมข่าวพลังราษฎร์

 

 

Ads – Baansuay Group full

About The Author

Related posts